วันอังคาร, สิงหาคม 29, 2549

ปริศนาธรรม

เรามางานศพ เราได้อะไร....?
สีคนหาม สามคนแห่ หนึ่งคนนั่งแคร่ สองคนพาไป
สี่คนหาม...ธาตุทั้งสี่อันเป็นธรรมที่อยู่ในตัวเราขณะที่เรามีชีวิตอยู่
สามคนแห่...ไตรลักษณ์ คืออนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
หนึ่งคนนั่งแคร่...จิตวิญญาณหรือชีวิตเดียวของเรา
สองคนพาไป...บาป บุญ...............สิ่งที่ได้คือ................
1.ห้างลอยตราสังข์
ตราคือเครื่องหมายสังข์ ในที่นี้หมายถึง สังขาร
ตราสังข์หมายถึงเครื่องหมายปริศนาของสังขาร บ้านเราเรียกฝ้ายมัดสาด 3 ช่วง
คือช่วงตรงลำคอ ช่วงตรงอก ช่วงตรงข้อเท้า คนในภาคกลางถ้ามีการตายเกิดขึ้นนิยมนำฝ้าย 3 ช่วงรัดตาม 3 สถาน
ที่เรียกว่ามัดตราสังข์ มีความหมายเป็นปริศนาว่า
ฝ้ายบ่วงที่ 1 ผูกมัดไว้ตรงลำคอ หมายถึงบ่วงที่เราติดหลงในขณะมีชีวิตอยู่เรียกว่า ปุตโตคีเว คือการห่วงบุตรห่วงลูก
ฝ้ายบ่วงที่ 2 ผูกไว้ตรงช่วงอก หมายถึง บ่วงห่วงแห่งภรรยา-สามี เรียกว่าภริยา สามิหัตเถ
ฝ้ายบ่วงที่ 3 ผูกไว้ตรงช่วงข้อเท้า หมายถึงบวงห่วงทรัพย์สิน เงินทอง เรียกว่า ธนะปาโท
ทั้งหมดทั้งปวงนี้ถึงตายแล้วก็ไม่มีใครสามารถนำไปได้แม้แต่คนเดียว บ้านเราปัจจุบันนี้ไม่นิยมมัด เพียงเอาฝ้ายสอดเสื่อไว้เพื่อหิ้วง่ายเท่านั้น แม้แต่การเอาสวดอกใส่มือแล้วก็ไม่นิยม เพราะถือว่าเป็นการสร้างความลำบากในสังขาร อุปมเหมือนเรานอนหลับเอามือทับอกหรือเอามือสานกันไว้บนหัว เวลาเราฝันทำอะไรไม่ได้เลย ไม่เป็นอิสระ จึงไม่นิยมมัดกัน
2.เฝือกในหีบศพ /โลงศพ
ถ้าคนเราตายไปแล้วทำพีธีตรงสังข์ห้างลอยเรียบร้อบแล้ว บางแห่งหรือเมื่อก่อนมักจะนิยมพระมาสวดก่อน หลังจากนั้นก็จะนำใส่หีบศพก่อนที่จะนำร่างศพลงใส่ในโลง สมัยก่อนเรามักจะเอาไม้ 5 กีบ มาจัดเป็นแพหรือเรียกว่าเฝือกแล้วเอาห่อศพลงในหีบ แต่ปัจจุบันนี้ จะมีไม้กีบมาตีเป็นแผง 5 กีบ มีไม่หม่อนรอง 3 อัน....เผือก...หมอน...มีความหมายดังนี้
ไม้ 5 กีบ...หมายถึงขัน 5 คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณดับ แล้วก็แน่นิ่ง
ส่วนไม้หมอน 3 ท่อน หมายถึงรัตน์ 3 คือ พุทธะ อยู่เบื้องบน ธรรมะ อยู่เบื้องกลางจิต สังฆสมณะ อยู่ล่าง ฉนั้นพระและสามเณรจะเป็นผู้สวดบอกวิญาณ ได้รับรู้ว่าตนตาย เวลาจูง พระและสามเณร จะจูงนำหน้าหัวแม่เท้า บางท่านเอาไม้หมอน เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
3.บันได 4 ขั้น...บันไดสี่ขั้นนี้จะมีในสมัยก่อน สมัยก่อนหลังจากที่ห่อศพ ใสในหีบศพ ปิดฝาเรียบร้อย มักจะทำบันได สี่ขั้น ไว้บนหลังหีบศพ ปัจจุบันไม่มีบันไดสี่ขั้นนั้น ท่านหมายถึง การบอกภพที่วิญาณจะต้องไป คือ นรกภูมิ มนุษย์ภูมิ เทวตภูมิ นิพพาน จึงเรียกว่า บันไดผี
4.

วันอาทิตย์, สิงหาคม 27, 2549

ประมวลภาพในหลวงและพระบรมราโชวาท
























"ความรู้สึกและความซื่อตรงต่อหน้าที่เป็นคุณวุฒิอันสำคัญของคนทั้งปวงไม่ว่าผู้มีบรรดาศักดิ์สูงต่ำเพียงใด"

วันพฤหัสบดี, สิงหาคม 24, 2549

สุขอยู่ที่ใจ

ทุกหนทุกแห่งที่เราก้าวไป มีธรรมะนำทางเสมอ เพื่อค้นพบกฎของความจริง และความจริงที่ว่านั่นคือ "ธรรมชาติ" นั่นคือ ชีวิตที่พิจราณาได้ด้วยตนเอง การอุทิศได้ เสียสละได้ บำเพ็ญได้ อัตตา ความว่าง ความจริง ความมี ความไม่มี หรืออะไรก็ตามที่อยู่เป็นคู่ๆ นั่นคือความว่าง ความไม่มีตัวตน ความอิสระ ความไม่มีอะไรเลย นั่นคือชีวิต นั่นคือธรรมชาติ มรรคผลสุดท้าย คือ ศูนย์ ไม่มีอะไรเลย ว่าง ปรมัตถ์ นิพพาน ทุกสิ่งทุกอย่าง เราสามารถกำหนดแล้วด้วยใจ หากใจเรากระทำแล้วมีความสุข จงกระทำไปเถอะ ไม่มีผิด ไม่มีถูก มันอยู่ที่ใจของเรานั่นเอง
D.P
ปรมัตถ์

การพัฒนาจิต


สังคมปัจจุบันที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย รวดเร็ว สะดวกทันทีทันใจผู้คนอย่างเหลือคณานับ บางคนตอนเช้าอยู่เมืองหนึ่ง แต่พอกลางคืน ก็สามารถไปรับประทานอาหารกลางวันอีกเมืองหนึ่งได้ พอตกในตอนเย็น ก็จะกลับมานอนที่บ้านได้ตามปกติ หรือบางคนมีลูกหลานที่ส่งไปเรียนต่างประเทศ ก็สามารถที่จะพูดคุยหรือเห็นหน้ากันได้ทางโทรศัพท์ หรือบางราย ที่พอมีอันจะกิน และมีความปรารถนาความต้องการอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ปัจจุบันก็มีโครงการจัดทัวร์ทางอากาศ ซึ่งจัดบริการแล้ว และปรากฎว่า มีผู้ใช้บริการกันไปตามสถานะทางการเงินและตัณหา(ความอยาก)ของแต่ละคน
สิ่งต่างๆเหล่านี้เป็นเพียงตัวอย่างแห่งความสะดวกสบายของโลกยุคเทคโนโลยี ถามว่าสิ่งเหล่านี้ได้ถูกมนุษย์พัฒนาคิดค้นขึ้นมาจริงหรือไม่ คำตอบก็คือ "ใช่ " ทุกสิ่งบนโลกนี้ล้วนแล้วแต่ถูกมนุษย์รังสรรค์ปั้นแต่งขึ้นมาตามจิตนาการของแต่ละกลุ่มบุคคล เช่นกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ กลุ่มนักดาราศาสตร์ กลุ่มนักคณิตศาสตร์ ฯลฯ วัตถุสิ่งของต่างๆ มนุษย์ที่จะสามารถที่จะพัฒนาขึ้นมาได้จนบางครั้งมันก็มีความสามารถ อาจจะเหมือนมนุษย์ด้วยซ้ำ แต่สิ่งที่เราเกือบจะ มองข้าม และนับเป็นสิ่งสำคัญในชีวิตมนุษย์ คือเราลืมพัฒนาจิต ของตนเอง ทั้งนี้เราจะรู้ข่าวสารทั้งหลายจากทุกมุมโลก ซึ่งก็เพราะเทคโนโลยี ว่าทุกประเทศในโลกล้วนแต่ประสบปัญหาด้วยกันทั้งนั้น เริ่มต้นตั้งแต่ปัญหาทางเศรษฐกิจ การเมือง สังคม ไม่นับรวมปัญหาอื่น ที่เป็นพื้นฐานของแต่ละชนชาติแต่ก็มีการแก้ไขกฎ ระเบียบ กฎเกณฑ์ของสังคมโลก เป็นต้น
แต่ข้อสังเกตก็คือ ปัญหาต่างๆมิได้ลดด้อยถ้อยลงหรือหมดไปจากประเทศนั้น ทั้งนี้ทั้งนั้นกล่าวโดยสรุปก็คือ ต้นตอแห่งปัญหานานับประการทั้งหลายทั้งปวงในโลกนี้มาจากมนุษย์นี่เอง นั่นเป็นเพราะเราลืมที่จะพัฒนา จิต นั่นเอง มีคำกล่าวที่ว่า "จะพัฒนาอะไรก็ติด ถ้าจิตไม่พัฒนา" คงเป็นปฐมบทแห่งรูปการณ์ทุกอย่างได้ดีว่า ที่โลกเราปั่นป่วนทุกวันนี้ เพราะมาจาก สิ่งที่อยู่ภายในมนุษย์เรานั่นเอง นั่นคือจิตที่ไม่ยอมพัฒนาไปตามวัตถุที่เจริญรุดหน้า มีใจอันประเสริฐฯลฯ สำเร็จแล้วด้วยใจ พระพุทธศาสนาถือว่าทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นต้นที่ ใจ และบทสรุปก็อยู่ที่ใจ ใจหรือจิตของมนุษย์เรานั้นนับเป็นสิ่งที่เร้นลับลึกล้ำเหลือกำหนด พฤติกรรทที่มนุษย์แสดงออกมาจากจิตของมนุษย์ ดังนั้นเราจะเห็นได้ว่า กิริยาอาการใดๆ ที่มนุษย์คนหนึ่งแสดงออกมานั้น จะเป็นเครื่องบ่งบอกถึงสิ่งที่อยู่ภายในของเขาได้เป็นอย่างดี
จึงมีข้อปฎิบัติพื้นฐานสำหรับมนุษย์ทั่วไปว่า ให้เราคิดดี พูดดี ทำดี แล้วสิ่งดีๆจะติดตามมาเอง ถึงแม้เราจะต้องการที่จะเห็นผลของการกระทำนั้นๆของเราหรือไม่ก็ตาม ตรงกันข้ามถ้าเราคิดไม่ดี พูดไม่ดี และทำไม่ดี สิ่งไม่ดีทั้งหลายก็จะติดตามเรามาแน่นอน ฉนั้นในวันนี้ เราได้เริ่มต้นในการทำสิ่งดีๆบ้างหรือยัง เพราะถ้าเรารู้จัก ที่จะพัฒนาตัวเราเองให้เป็นคนมีจิตใจดี สิ่งต่างๆทั้งหลายในโลกก็ไม่นอกเหนือความสามารถของจิตที่พัฒนาแล้วนั่นเอง
ธรรมะบรรยายท่านพระมหาอุดม อุตตโม
เจ้าอาวาสวัดดอนแก้ว อ.สารภี จ.เชียงใหม่

พุทธสุภาษิต

พุทธสุภาษิต

พุทธสุภาษิต

พระพุทธสุภาษิต

ประมวลภาพวันวิสา

ประมวลภาพวันวิสา

ประมวลภาพวันวิสา

ประมวลภาพวันวิสา

ประมวลภาพวันวิสา

ประมวลภาพวันวิสา

ประมวลภาพวันวสา

ประมวลภาพวันวิสา

ประมวลภาพวันวิสา

ประมวลภาพวันวิสา

วันจันทร์, สิงหาคม 21, 2549

ทำบุญอย่างไรจึงจะได้บุญ

การทำบุญเป็นการทำเพื่อทำให้จิตใจสบาย
หากการทำบุญเพื่อหวังผลบุญก็จักได้บุญ
แต่บางทีการทำบุญ เพื่อหวังผลพลอยได้จากการทำบุญ
การทำบุญนั้นจักไม่ได้บุญ
.......................
ทำบุญอย่างไรจึงจะได้บุญ
การทำบุญมีหลายรูปแบบ แต่ในที่นี้จะพูดถึงการทำบุญในรูปแบบของการบริจาคปัจจัย เป็นได้ทั้งเงินทองและสิ่งของ ผลตอบสนองของบุญที่ได้ไปนั้นได้รับทันที เมื่อเราทำบุญ คือความสบายใจ ความปลื้มปิติยินดีที่ได้เสียสละเงินทองปัจจัยต่างๆเพื่อบำรุงศาสนา หรือ มีการทำบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศลไปยังบิดามารดา ญาติพี่น้องลูกหลาน เหลน ที่ได้ล่วงลับไปแล้วนั้นความสบายใจที่ได้ นั่นแหละบุญ
บางคนทำบุญเพื่อหวังผลร่ำรวยเงินทอง นั่นเป็นไปไม่ได้ ถ้าจะให้ร่ำรวยเงินทอง ก็ต้องขยันหมั่นเพียรในการประกอบอาชีพ ต้องเป็นอาชีพที่สุจริตจึงจะร่ำรวยได้ ไม่ใช่ว่ามัวแต่จุดธูปเทียน ขอลาภ ขอหวย จากพระ ผีสาง เทวดา "ไม่ใช่" เป็นไปไม่ได้ ที่เป็นได้คือ "กำลังใจ" เท่านั้นเอง
บางคนทำบุญเพื่อหวังผลกำไรเป็นอย่างอื่น เช่น ทำบุญเอาหน้าเอาตา เพื่อหวังเชิดหน้าชูตา ให้คนอื่นนิยมชมชื่น ทำบุญอย่างนี้ไม่ได้บุญ เมื่อทำไปแล้วถ้าไม่มีใครนิยมชมชอบก็เกิดความทุกข์ใจ ทั้งที่ทำบุญไปแล้ว คิดว่าทำไมไม่มีใครชื่นชมชื่นชอบ เกิดความไม่สบายใจ มีความทุกข์ใจอย่างนี้ไม่ได้บุญ ตรงกันข้าม ถ้าเราทำบุญไปแล้วไม่หวังผลอะไรเลย ทำไปเพื่อความสบายใจอย่างนี้จะได้บุญ 100%
บางคนทำบุญเพื่อหวังผลกำไรเป็นอาชีพ เช่นแจกซองผ้าป่า ซองกระฐิน ซองบุญต่างๆ แจกไปแล้วเก็บใส่กระเป๋าของตนเองก็มี แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นไปอย่างนั้นหมดทุกรายไปทีเดียวเป็นแต่เพียงข้อคิด ที่เป็นข่องโหว่ที่อาจเป็นไปได้บางรายเท่านั้นเอง ทำบุญอย่างนี้ไม่ได้บุญกับมีความทุกข์ใจว่ากลัวคนอื่นจะรู้ จึงเกิดความไม่สบายใจอย่างนี้ไม่ได้บุญแน่นอน
ดังนั้นเพื่อหวังความสุข และความสบายใจ ในการทำบุญต้องทำบุญด้วยความศรัทราด้วยใจ ด้วยความบริสุทธิ์ใจไม่หวังผลตอบแทน ทำไปแล้วได้อะไร ไม่ต้องไปคิดว่าผลบุญจะเป็นอะไร ไม่ต้องรอรับไม่ต้องรอฟังข่าว "มันอยู่ที่ใจ"ใจเราเป็นสุขนั่นแหละได้บุญ
และการทำบุญอีกแบบหนึ่งที่ไม่ได้บุญเลยแน่นอน คือเวลาเพื่อนบ้านมีงานบุญ เช่นงานศพ เวลาไปทำบุญหวังไปถล่มเจ้าภาพ ทั้งเหล้าอาหาร ในขณะที่ตนเอง ทำบุญแค่ 20-30 บาทแต่หวังผลว่าจะได้รับประทาน และรับอย่างเดียว อย่างนี้ก็ไม่ได้บุญเพราะรังแต่จะให้เจ้าภาพเดือดร้อนมากขึ้น และการดื่มสุรา ยาเมาในงานศพ เป็นการไม่เหมาะสมอย่างยิ่งเพราะเจ้าภาพกำลังเสียใจ แต่เรากลับไปซ้ำเติม ให้เขามีความทุกข์มากยิ่งขึ้นอย่างนี้ไม่ได้บุญ
ดังนั้นท่านทั้งหลาย ในการทำอะไรก็ตามจงพินิจพิจราณาด้วยสติคิดดี ทำดี มีเหตุผล เอาใจเขามาใส่ใจเรา อย่าเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน จงมีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น คนเราเกิดมาทั้งที ก็ขอให้ทำอะไรก็ได้ให้เป็นประโยชน์แก่ตนเองและผู้อื่น ไม่เสียทีที่ได้เกิดมาเป็นคนที่สมบูรณ์โดยแท้
ธรรมะบรรยายโดยพระมหาอุดม อุตตโม เจ้าอาวาสวัดดอนแก้ว อ.สารภี จ.เชียงใหม่

วันอาทิตย์, สิงหาคม 20, 2549

วิสาหกิจชุมชนกลุ่มเกษตรกรทำนาดอนแก้ว อ.สารภี

วิสาหกิจชุมชนกลุ่มเกษตรกรทำนาดอนแก้ว อ.สารภี
ที่ตั้ง:เลขที่ 68 หมู่ที่ 3 ตำบลดอนแก้ว
อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ 50140
โทร: 053-428135
วิสาหกิจชุมชนกลุ่มเกษตรกรทำนาดอนแก้ว อ.สารภี ตั้งขึ้นเมื่อปีพ.ศ. 2517 ผู้ริเริ่มคือ นายชื่น ดวงงาม บ้านสันต้นกอกหมู่ที่ 4 ต่อมาบริหารงานโดยนายมี ใจมา ซึ่งก่อตั้งมาได้ 6 ปีแล้ว ปัจจุบันมีสมาชิก จำนวน 102 คน และมีกลุ่มสาขา 1 กลุ่ม คือกลุ่มวิสาหกิจชุมชนสตรีพัฒนาอาชีพเสริม หมู่ที่ 8 ต.สันทราย
ใครที่สนใจต้องการเข้ากลุ่มก็สามารถมาสมัครได้ที่บ้านนายมี ใจมา เลขที่68 หมู่ที่ 3 ต.ดอนแก้ว อ.สารภี จ.เชียงใหม่
โทร.09-8547309
ค่าสมาชิกห้นละ 50 บ้าน
ค่าธรรมเนียม 25 บาท

รายการธรรมะทัศน์ล้านนา โดยพระมหาอุดม อุตตโม

ธรรมะเพื่อชีวิต (วันอาทิตย์ที่ 11 เดือน 11 ที่ 20 สิงหาคม 2549)
คนเราเกิดมาเป็นมนุษย์กับเขาทั้งทีจงสร้างความดีให้กับตัวตน.....อันว่าคนเราเกิดมาจากดิน น้ำ ลม ไฟ ซึ่งธรรมชาติได้สร้างเรามา เมื่อถึงเวลาสุดท้าย ก็คืนธรรมชาติเขาไป เหมือนกันทุกคน
ดังนั้นเมื่อเราเกิดมาทั้งที ควรมีธรรมะประดับกายประดับใจ ไว้ทุกๆคน ชีวิตที่เกิดมาจะได้มีคุณภาพที่ดี และอยู่ได้ในสังคมอย่างมีความสุข
ธรรมะเพื่อชีวิตมีหลักใหญ่อยู่ 4 ประการคือ
ความมีสัจจะ.....คือความจริง.......ทมะ.....การฝึกฝน.......ขันติ.......ความอดทน....และจาคะ.....การเสียสละ
1.สัจจะ...มีแก่นแท้ 3 ประการคือ ความจริง....ความตรง....ความแท้
ความจริงอันหมายถึงความจริงต่างๆ เรื่องจริง คนทำจริงเรียกว่าคนจริง ทำอะไรก็ทำจริง ไม่ทำเล่นๆ ซึ่งเป็นที่ยอมรับของสังคม ซึ่งตรงกันข้ามกับคนไม่จริง ทำอะไรก็ทำเล่นๆไม่จริงจัง ซึ่งก็ไม่เป็นที่ปรารถนาของคนทั่วไป ความจริงอีกประการหนึ่งคือความจริงใจ ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญ คนเราที่จะมาเกี่ยวข้องกันต้องมีความจริงใจต่อกันเป็นสำคัญที่สุด หากไม่จริงใจกันก็คบกันไม่ได้ ต่อไปความตรงก็ควรตรงต่อหน้าที่ไปตอกบัตรให้ตรงเวลาอย่างนี้เป็นต้นอย่างสุดท้ายคือความแท้ ความแท้ก็หมายถึงว่าไม่ปลอม เปรียบเป็นทอง ก็ทองแท้ เพราะทองปลอมไม่ใช่ทองแท้ทองแท้เป็นของจริง องค์ประกอบทั้ง 3 อย่างมีความจริงใจนั่นแหละเป็นรากฐาน ความจริงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ที่จะให้ความสัมพันธ์หรือการกระทำใดๆมั่นคงยั่งยืน
2.ทมะ แปลว่า การฝึกฝนการปรับปรุงตัวเอง คนเราเกิดมาไม่ได้เป็นมาจากครรภ์บิดา มารดา ไม่ได้เป็นมาแต่กำเนิด ต้องมีการฝึกฝนให้เป็น ทำให้ชำนาญ สัตว์เดรฉานเช่นช้างสามารถนำมาฝึกฝนได้ แต่นี่คนต้องฝึกได้ดีกว่าช้างแน่นอน ไม่งั้นก็อายสัตว์ การฝึกฝนตนเองโดยให้ปลงในชีวิตสามารถทำได้ ในชีวิตของคนเรามีทั้งดีและไม่ดี ความดีก็ทำไป สิ่งไหนที่ไม่ดีก็หยุดมันเสีย ทำในสิ่งที่ดีๆ สิ่งใดทำแล้วนำความเดือดร้อนมาให้ก็อย่าทำ เช่นเข้าป่า ยิงนก ตกปลา ทำร้ายสัตว์ เมื่อเข้าวัดเข้าวาฟังธรรมะพระธรรมคำสอนแทนที่จะนำไปปฎิบัติ กลับสร้างบาปอย่างนี้ไม่ดี ทมะนี้ต้องมีปัญญาเป็นแกนนำสำคัญ เพราะต้องรู้จักคิดพิจราณาและมีความรู้ความเข้าใจจึงจะปรับตัวและฝึกฝนปรับปรุงตนได้ ข่มจิตข่มใจ ไม่ให้อยากได้ อยากมี อยากมา มาครอบงำ ทั้งรูป รส กลิ่น เสียง เครื่องใช้ ให้รู้จักข่มเสียบ้าง กิเลสจะได้ไม่ฟูฟอง อย่าให้กิเลสต่างๆมาบงการชีวิตของเราได้
3.ทิติ หรือขันติ คือความอดทนต่ออุปสรรคต่างๆ กิเลสตัณหาต่างๆ อดได้เป็นยา มีตัณหาแพ้เพื่อน คนเราต้องมีขันติธรรม ให้อดทนต่อทุกสิ่งทุกอย่าง ฝนตกแดดออกก็ช่างมัน ถูกด่าถูกว่าถูกตี ก็อดทนไว้ ไม่ระเบิดอารมณ์ออกมาไม่แสดงอารมณ์โมโหโกธาออกมา ขึ้นชื่อได้ว่ามีความขันติ ความอดทน
4.จาคะหมายถึงความเสียสละ การเสียสละมีหลายด้าน ในด้านวัตถุเช่นปัจจัย เสื้อผ้า เงินทอง ของมีค่า ให้รู้จักนำไปบริจาคเสียบ้าง นี่คือการเสียสละในด้านสิ่งของ ต่อไปในด้านอารมณ์ เมื่อมีอารมณ์ ความอาฆาตพยาบาทใครๆ เช่นรายการ สือ่ต่างๆ จากทีวี วิทยุ ที่มีความอาฆาตพยาบาทต่อกันไม่รู้จักจบจักสิ้น หรือสือไม่มีธรรมะ สือเป็นเท็จ อะไรก็แล้วแต่ สิงนั้นก็หามีคุณธรรมไม่ คนเราเมื่ออารมณ์ข้างในไม่ดี เขาเรียกว่าคนเน่า คนไม่ดี มีอารมณ์บูด อยู่ที่ไหนก็ไม่เป็นที่ต้องการของสังคม เหมือนกับคนบ้า บ้ายศ บ้าอย่าง บ้าวาสนา มีเกียรติเป็นใหญ่เป็นโต ชี้นกต้องได้นก ชี้ไม้ต้องได้ไม้ ไม่ได้ดังใจก็โมโหโกธา ไม่มีธรรมะใจจิตใจ ไม่มีความเสียสละทางด้านอารมณ์ ปลดปล่อยเสียบ้าง อย่างปล่อยให้อารมณ์บูด อารณ์เน่า ไม่เป็นที่ต้องการของสังคม ผลสุดท้าย ไปไหนก็หลบๆซ่อนๆ เอาผ้าคุมหน้า ไม่ให้ใครเห็น ดังนั้นคนเราต้องรู้จักเสียสละอารมณ์บ้างอย่าให้มันบูดมันเน่ามากนัก
ดังนั้นการที่จะดำรงชีวิตอยูได้ในสังคมจำเป็นต้องมีคุณธรรม คนไหนไม่มีคุณธรรม เอาสิ่งของมากองอยู่ตรงหน้าเป็นฐานบารมีอยู่ที่ไหนไม่นำคำสอนของสมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้ามาเป็นตัวปฏิบัติ เขาเรียกว่า คนเทียม มีใบสวน ใบนา ไปไหนแต่งตัวอวดชาวบ้าน คนอย่างนี้ก็ย่อมไม่เป็นที่ยอมรับของสังคม สำหรับคนจริง คนแท้ มีคนนับหน้าถือตา อยู่ได้ในสังคมอย่างมีความสุข
นี่ก็เป็นอีกแง่มุมหนึ่งของชีวิต 4 ประการอันที่ได้กล่างมานั้นคือ สัจจะ ความจริง ทมะ การฝึกฝน ขันติ ความอดทน และจาคะ ความเสียสละ

เจริญพร
ธรรมบรรยายโดยท่านพระมหาอุดม อุตตโม เจ้าอาวาสวัดดอนแก้ว อ.สารภี

รายการธรรมทรรศล้านนา โดยพระมหทอุดม อุตตโม

รายการธรรมทรรศล้านนา
ออกอากาศทุกวันอาทิตย์ เวลา 8.00-9.00 น. คลื่น 89.85 m
สถานที่ ชมรมส่งเสริมพัฒนาวิชาชีพคนตาบอด
เลขที่ 108 บ้านสันต้นกอก หมู่ 3 ต.ดอนแก้ว อ.สารภี จ.เชียงใหม่
โทร 06-9189783 หรือ 053-229998
โดย พระมหาอุดม อุตตโม เจ้าอาวาสวัดดอนแก้ว ต.ดอนแก้ว อ.สารภี จ.เชียงใหม่

วันพุธ, สิงหาคม 16, 2549

วันที่ชี้อุปนิสัยตามหลักเลขศาสตร์ (ท่านที่เกิดวันที่ 1)

จอมทรนง...ข้าผู้ยอมหัก...แต่ไม่ยอมงอ
คนเกิดวันที่ 1 ได้บอกไว้อยู่แล้วว่า ความเป็นหนึ่งเดียวเท่านั้น ม่ชอบที่สองรองจากใครอย่างเด็ดขาด ถ้ารับจ้างทำงานบริษัทมักจะเป็นหัวหน้าคนรวดเร็ว และถ้าลงทุนเองก็เรียกได้ว่าเป็นเจ้าของกิจการ หรือเถ้าแก่นั้นเอง ฉนั้นผู้ที่เกิดวันนี้ถือได้ว่าอยู่ที่ไหนไม่ตกตำตลอดชีวิต สาธุ สาธุ
ผู้ที่เกิดวันนี้รักอิสระเป็นพิเศษ หัวดื้อรั้นแต่ก็น่ารัก พอใจที่จะทำกิจการด้วยตนเอง และไม่สนใจว่าใครจะตำหนิตัวเอง อารมรุ่นแรงเฉียบขาด กล้าได้กล้าเสีย ถ้าเกิดเป็นสตริมีเรื่องกับใครถึงกับกำหมัดชกกันก็ยังไหว และเป็นผู้กล้าคิดกล้าทำกล้าพูด
ด้วยการตัดสินใจอย่างเด็ดขาดในสิ่งที่ตนเองเห็นว่าถูกต้อง พังเป็นพังหมดเป็นหมดทุ่มเททุกอย่าง
ผู้เกิดวันที่ หนึ่งนี้เป้าหมายสูงสุดของชีวิตได้แก่การก้าวขึ้นสู้อำนาจโดยมีฐานมาจากบริวารหนุนนำ และต้องด่านในทุกฯด้านของชีวิตอีกด้วย แต่ความคิดที่มีอยูนั้นไม่เคยแสดงออกให้ใครได้ล่วงรู้ถึงจุดประสงค์ กระทั่งไม่ปรึกษาใครเลย ทั้งนี้เพราะเป็นคนเชื่อมั้นในตัวเองสูงมาก แต่ก็มีเพื่อนฝูงมากมาย สังคมพร้อมที่จะให้คำปรึกษา

วันอังคาร, สิงหาคม 15, 2549

มหกรรมแห่งการเฉลิมฉลองราชพฤกษ์ 2549






มหกรรมแห่งการเฉลิมฉลอง มหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติ ฯราชพฤกษ์ 2549

1 พฤศจิกายน 2549 - 31 มกราคม 2550
ต. แม่เหียะ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
ข้อมูลทั่วไป
ชื่องาน:มหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯราชพฤกษ์ 2549
กำหนดจัด:1 พฤศจิกายน 2549 ถึง 31 มกราคม 2550
สถานที่: จังหวัดเชียงใหม่ ประเทศไทย
ขนาดพื้นที่การจัดงาน:470 ไร่
เส้นทางเดินโดยรวม: 7.2 กิโลเมตร
ระยะเวลาประมาณการณ์ในการชมงาน: 6 ชั่วโมง
รูปแบบการจัดงาน:การจัดแสดงพืชเขตร้อนชื้น และพันธ์ไม้จากทั่วโลก
ส่วนการแสดง:
สวนเฉลิมพระเกียรติฯ
  • สวนนานาชาติเฉลิมพระเกียรติฯ
  • สวนเฉลิมพระเกียรติประเภพองค์กร

สวนประเทศไทย

สวนการแสดงกลาง (Royal Plaza)

  • หอคำหลวง
  • นิทรรศการและประกวดพืชพรรณไม้
  • การแสดงศิลปวัฒนธรรม กว่า 800 รายการ จากทุกภูมิภาคของไทยและทั่วโลก
สอบถามรายละเอียดได้ที่
โทรศัพท์ : 0 2686 7299
โทรสาร :0 2659 5920
เว็บไซต์ : www.royalfloraexpo.com
อิเมล: info@royalfloraexpo.com

น้ำท่วมบ้านดอนแก้ว (ประมวลภาพ)

ถ่ายเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2548