วันอาทิตย์, สิงหาคม 13, 2549

ธรรมะสำหรับคนดี (หน้าที่ 7) รักแท้คือการให้

คนเราเกิดมา เมื่ออยู่ร่วมกันเป็นสังคม ไม่ว่าจะสังคมเล็ก สังคมใหญ่ สังคมเมือง หรือสังคมชนบท แม้กระทั่งครอบครัว เราก็เรียกว่า สังคม สังคมแต่ละกลุ่มดังกล่าวมาแล้วจะอยู่ได้โดยปราศจาก ความรักเป็นไม่มี ความรักของพ่อแม่ที่มีต่อลูก รักของลูกๆที่มีต่อพ่อแม่ ลูกศิษย์กับอาจารย์ อาจารย์กับลูกศิษย์ เพื่อนกับเพื่อน พี่กับน้อง หรือแม้กระทั่ง ชายกับหญิง บุคคลดังที่ได้กล่าวไว้แล้วนั้น จึงอยู่ร่วมกันได้ โดยไม่ทำลาย หรือไม่ทำร้ายซึ่งกันและกัน ก็เนื่องจากบุคคลเหล่านั้นมีความรักให้กันและกัน ในวันใดวันหนึ่ง บุคคลดังกล่าว อาจมีสิ่งใดก็ตามที่ทำให้บุคลเหล่านั้นทะเราะกันไม่รักกันและเกลียดซึ่งกันและกัน เนื่องจาก ขัดผลประโยชน์ หรืออะไรก็แล้วแต่ หากถึงเวลานั้นจริงๆ หากใครให้อภัย ไม่โกธร ไม่เกลียด ไม่ถือสา อีกฝ่ายหนึ่ง โดยไม่คิดสตางค์ คือ "ให้ด้วยใจ" ทุกอย่างก็ยุติลงด้วยดี ในทางตรงกันข้าม หากถือโทษโกธรอีกฝ่ายหนึ่งอยู่ร่ำไป เมื่อไรก็ไม่หายโกธรอีกฝ่าย ถือว่าบุคคลนั้น หาได้มอบรักแท้ให้คนที่รักก็หาไม่ ความรักแบบนี้ เป็นความรักที่ผสมไปด้วยความทุกข์ใจไม่เป็นสุข ตรงกันข้ามกับรักแท้ รักแท้ก็หวังให้คนที่เรารักมีความสุข ไม่โกธร ไม่เกลียดอีกฝ่าย ถึงแม้ว่า อีกฝ่ายจะทำให้เจ็บช้ำน้ำใจ เสียใจ แต่พร้อมที่จะให้อภัย และให้ความรักเสมอต้นเสมอปลาย
ดังนั้นเราจึงเรียกว่า รักแท้คือการให้ ให้อภัย ในกรณีที่อยากให้คนที่เรารักมีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ เราก็สามารถที่จะมอบความรักที่เป็นสิ่งของแทนความรักได้ เช่น ให้อาหาร ยารักษาโรค เป็นต้น นี่ก็ถือว่า ความรักคือการให้ด้วยเช่นกัน
ดังนั้นจึงสรุปว่า ความรักคือการให้ ให้อะไรก็ได้ที่จะทำให้คนที่เรารักมีความสุข ใจเราก็เป็นสุขด้วย ในทำนองเดียวกันคนที่เรารักก็ได้มอบความรักให้เราด้วยเช่นกัน คือ น้อมรับความรักจากฝ่ายตรงข้ามด้วยความเต็มใจ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของ คำพูด หรือการแสดงออก เราก็เรียกว่า การแสดงความรักด้วยนั่นเอง จึงถือว่า คนเราหากอยู่ด้วยกันในสังคม ควรมอบความรักให้กันและกัน ต้องเป็นรักแท้ด้วย สังคมจึงจะอยู่ด้วยความสงบสุข ไม่ทะเราะเบาะแว้งอิจฉาริษยา ซึ่งกันและกัน โลกก็เต็มไปด้วยสวนดอกรักบานสะพรั่งเป็นบรรยากาศที่น่ารื่นรมณ์ยิ่งนัก
ปรมัตถ์

ไม่มีความคิดเห็น: